5 ข้อ เตือนสติพ่อแม่
.
1. “เด็กทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นตัวเอง”
พ่อแม่มีหน้าที่สอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ ดูแลตัวเอง สิ่งของและคนรอบข้างได้
เพื่อที่เขาจะได้มี “พื้นฐานทางร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง” และสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างดีค่ะ
และวันหนึ่ง เมื่อเขา “ค้นพบตัวเอง” เขาจะสามารถนำทักษะและ
พื้นฐานที่เขามีมาต่อยอดพัฒนา เพื่อสร้าง “ตัวตน” ของเขา เป็นในสิ่งที่เขาอยากจะเป็น
เรียกง่ายๆก็คือ พ่อแม่ควรจะเป็น supporters ให้การยอมรับและเข้าใจในตัวตนของลูก
ไม่ใช่สร้างตัวตนให้ลูกในแบบที่เราต้องการค่ะ
.
2. “อย่าทำร้ายลูกด้วยเหตุผล ในนามแห่งความรัก”
บางครั้งผู้ใหญ่อย่างเราไม่รู้ตัวว่า
“เรากำลังทำร้ายลูก”
“ดุด่า ทุบตี สอดส่องทุกกระเบียดนิ้ว
คาดหวังลูกเกินวัย”
และตบท้ายการกระทำของเราด้วยคำพูดที่ว่า
“ทำไปเพราะรัก…”
ทั้งที่จริงแล้วนะคะ เราสามารถสอนลูกได้ด้วย
“ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน” (Kind but firm)
ซึ่งการสอนนี้ ต้องเริ่มด้วยการมีสายสัมพันธ์ที่ดี
กับลูกก่อน คำพูดของเราจึงจะ “มีอยู่จริง”
ลูกจะรับฟัง และอยากทำตามที่เราสอนค่ะ
ผู้ใหญ่มักลืมว่า “เรามีหน้าที่ควบคุมกติกา”
ไม่ใช่ไม่ควบคุมลูก เราใช้กติกาที่ตกลงกันควบคุมซึ่งกันและกัน
เมื่อลูกทำผิด ให้ทวนกติกาหรือข้อตกลงกับเขา และให้เขาได้รับผลลัพธ์จากการกระทำ
โดยมีผู้ใหญ่คอยสอนเขาว่า
“ทำแบบนี้ไม่ได้ แล้วทำแบบไหนได้บ้าง”
ไม่ใช่บอกเเค่ว่า เขาทำผิด
แต่ไม่บอกเขาเลยว่าที่ถูกเป็นอย่างไรค่ะ
.
3. “ปลูกสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น”
“เราปลูกมะม่วงย่อมได้มะม่วง ไม่ใช่มะพร้าว…”
พ่อแม่ทุกคนคาดหวังอยากให้ลูกเป็นคนดี
คนเก่ง เป็นลูกที่น่ารัก แต่เราต้องทบทวนตัวเองก่อนว่า เราให้อะไรกับลูกไปบ้าง…?
“พ่อแม่ใจร้อน แต่อยากให้ลูกใจเย็น”
“พ่อแม่ไม่เคยฟังลูก แต่อยากให้ลูกเชื่อฟัง”
“พ่อแม่ไม่เชื่อใจและให้เกียรติลูก
แต่อยากให้ลูก เคารพตนเอง”
อย่าลืมว่า เด็กจะเป็นแบบที่ผู้ใหญ่เป็น
ไม่ใช่ในแบบที่ผู้ใหญ่สอน
ดังนั้น อยากให้ลูกเป็นเช่นไร
พ่อแม่ควรเป็นเช่นนั้นก่อนค่ะ
.
4. “บ้านควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก”
เด็กทุกคนต้องการพื้นที่ที่ปลอดภัย
และเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
ถ้าบ้านของเขามีพ่อแม่ที่รักและเข้าใจ
ลูกจะอยากกลับบ้าน แต่ถ้าบ้านร้อนเป็นไฟ
กลับมาก็โดนบ่น โดนด่า โดนจับผิด
พ่อแม่ทะเลาะกันตลอดเวลา
ลูกคนไหนก็ไม่อยากกลับบ้านค่ะ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จะเริ่มต้นกับลูกวัยรุ่นอย่างไร ง่ายที่สุดแม่หมีแนะนำว่า
เวลาลูกกลับบ้านมาให้ถามเขาว่า
“หิวไหม กินข้าวยังลูก” หรือ “กินน้ำก่อนไหม”
สร้างสายสัมพันธ์อาจต้องใช้เวลานะคะ
ต้องฟังเขาให้มาก ตัดสินเขาให้น้อยลง
ถ้าเขาทำผิดให้ช่วยเขาก่อนจะทำโทษเขา
เพราะสิ่งที่เด็กทุกคนกลัวที่สุด คือ
“การทำให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวเขา” ค่ะ
.
5. กระบวนการเรียนรู้ สำคัญกว่าผลลัพธ์”
หากผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้มากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย
เช่น คะแนน เกรดเฉลี่ย หรือการสอบเข้า
ให้การชื่นชมกับความพยายามมากกว่าผลลัพธ์ของเด็ก จะทำให้เขาสามารถพัฒนาความมั่นใจ
ในตัวเองขึ้นมาพร้อมๆกับมีภูมิต้านทานต่ออุปสรรคในภายภาคหน้าค่ะ
เมื่อเด็กเติบโตโดยมีความมั่นใจในตัวเองแล้ว หากจะมีการสอบ หรือ การแข่งขันบ้าง
ตามวัยที่เหมาะสม เมื่อเขาทำไม่ได้ หรือ ทำคะแนนได้ไม่ดี เด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองจะนำกลับข้อผิดพลาดมาพัฒนาปรับปรุงตัวเองไม่ใช่นำมาบั่นทอนคุณค่าในตัวเอง
0 Comments